วิธีดื่มไวน์สำหรับผู้เริ่มต้น

เลือกไวน์ที่ใช่

ไวน์แต่ละขวด มีเอกลักษณ์และรสชาติที่แตกต่างกัน รวมถึงชนิดของไวน์ ถ้าเราไม่มั่นใจว่าควรเลือกไวน์ขวดไหนดี สามารถสอบถามผู้เชี่ยวชาญให้ช่วยเลือกจากรสชาติที่คุณชอบได้

รสชาติพื้นฐานเช่น

• ความหวาน
• ความเปรี้ยว
• แทนนิน (ความรู้สึกแห้งในปาก โดยเฉพาะไวน์แดง)

เลือกแก้วไวน์ที่ดี

แก้วไวน์ที่ดีจะมีรูปทรงโป่งเพื่อให้ไวน์ระบายอากาศและรวบรวมกลิ่นหอมเข้าหาจมูกของคุณ แก้วไวน์มีหลายประเภท ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อดึงรสชาติและกลิ่นของไวน์แต่ละชนิดออกมาได้ดีที่สุด

แก้วไวน์ประเภทหลัก คือ

• แก้วไวน์แดง (Red Wine Glasses) แก้วจะมีขนาดใหญ่และทรงกลมเพื่อให้ไวน์สัมผัสกับอากาศได้มากขึ้น
• แก้วไวน์ขาว (White Wine Glasses) มักจะมีขนาดเล็กและทรงแคบกว่าแก้วไวน์แดง เพื่อรักษาความเย็นและกลิ่นหอมที่ละเอียดอ่อนของไวน์
• แก้วสปาร์คกลิ้งไวน์ (Sparkling Wine Glasses) เป็นแก้วทรงสูงและแคบ เพื่อช่วยกักเก็บฟองอากาศและรักษากลิ่นหอมได้นานขึ้น

อุณหภูมิที่เหมาะกับการเสิร์ฟไวน์ และสังเกตสีของไวน์

โดยทั่วไปแนะนำให้เสิร์ฟไวน์แดงที่เย็นกว่าอุณหภูมิห้องเล็กน้อย (15-20°C) ในขณะที่ไวน์ขาวและสปาร์คกลิ้งไวน์ควรแช่เย็น (7-10°C) เพื่อคงความสดชื่น กลิ่นหอมก่อนดื่ม และเริ่มสังเกตสีและความใสของไวน์

สีของไวน์บอกอะไรได้บ้าง

• อายุของไวน์ เช่นไวน์แดงที่มีอายุน้อยจะมีสีแดงเข้มออกไปทางม่วง แต่เมื่อมีอายุมากขึ้น สีจะค่อยๆ จางลง
• พันธุ์องุ่น เช่น ไวน์จากองุ่น Cabernet Sauvignon มักจะมีสีแดงเข้มและทึบกว่าไวน์จากองุ่น Pinot Noir ที่มีสีแดงอ่อนกว่า
• ความเข้มข้นของไวน์ ไวน์ที่มีสีเข้มมักเป็นไวน์ที่มีความเข้มข้นและรสชาติหนักแน่น (Full-bodied) ส่วนไวน์ที่มีสีอ่อนและใสกว่าก็มักจะมีรสชาติที่เบากว่า (Light-bodied)
• สภาพของไวน์ เช่น ถ้าไวน์มีสีขุ่นหรือมีตะกอนที่ผิดปกติ ไวน์ขวดนั้นอาจจะมีปัญหาหรือเก็บรักษาไม่ถูกต้อง

การดมกลิ่นไวน์

80% ของสิ่งที่เรารับรู้ว่าเป็นรสชาตินั้นมาจากกลิ่น เทไวน์ประมาณหนึ่งในสามของแก้ว ซึ่งจะให้พื้นที่สำหรับการหมุนโดยไม่หก ดมกลิ่นหอมของไวน์ จากนั้นจิบเล็กน้อยและปล่อยให้เคลือบเพดานปาก ใส่ใจกับรสชาติและเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกัน สังเกตว่าไวน์รู้สึกเบาหรือเข้มข้น

และค่อยๆเก็บบันทึกเกี่ยวกับไวน์ รวมถึงผู้ผลิต ปีที่ผลิต และเรื่องราวของไวน์แต่ละขวดที่คุณชอบต่อไป